OD + My Memory w/ The 5th Stupid Hackathon Thailand
ไหน ๆ งานจบแล้วก็ขอมี blog content ซักนิดหน่อยไว้เก็บความทรงจำก็แล้วกัน (ฮา) เพราะเดี๋ยวเขียนหลังงานจบนาน ๆ อารมณ์มันไม่พุ่งเท่าตอนเพิ่งจบร้อน ๆ ด้วย
ก็ปีนี้น่าจะเป็นปีแรกที่เรียกว่าเอาตัวเองออกมาเข้างาน Hackathon เลยดีกว่า เพราะปกติแล้ว ส่วนตัวคือมองว่าถ้ายังเขียนโค้ดไม่เก่ง ยังไม่อยากมางานแนว ๆ นี้ เพราะว่ารู้สึกว่ามันอาจจะไม่ตรงโจทย์ตัวเอง ก็นั่นแหละ เลยมาเป็นสตาฟไปพร้อม ๆ กัน ถือว่ามาซึมซับบรรยากาศด้วย
การตัดสินใจ
ตอนแรกมีช่วงลังเลเหมือนกันนะว่าจะเอายังไงดี แต่เราไม่ใช่คนลังเลนาน ๆ ถ้ามันไม่จำเป็นจริง ๆ อ่ะนะ จริง ๆ ลังเลเพราะว่าหลัก ๆ เลย เรากลัวว่าเราจะหมดไฟ ไม่มีเวลามากพอที่จะไปทำ หรือแบ่งเวลาได้ยังไม่ดีพอนั่นแหละ แต่สุดท้ายก็คือ ระหว่างตัดสินใจก็คือส่งไปเรียบร้อยแล้ว สุดท้ายก็นั่นแหละ ก็เอาซักหน่อย
First OD
Disclamer: ตั้งแต่ตรงนี้อยากให้ซีนเพราะว่ามันเยอะแล้วอยากเก็บไว้จริง ๆ
น่าจะเป็นครั้งแรกที่ตัดสินใจรับ OD หรือว่า One Day Director แบบจริง ๆ จัง คือมีที่วันไม่ซีเรียส แล้วมันก็หาคนช่วยรันเฉย ๆ หรือว่าแบบชวนคนเล่นเกม ก็โอเค ถือว่าเป็นแบบเฉพาะกิจ สุดท้ายก็ดันรับของจริง และดันเป็นวันที่อีเวนท์น่าจะเยอะที่สุดแล้ว ซึ่งคิดว่าปกติน่าจะต้องใช้เวลาคิดพอสมควรว่ารับหรือไม่รับ แต่ก็รับมาแล้วแหละ ด้วยความที่ว่าเราไม่รู้ว่าต้องทำอะไรยังไง เลยแอบ ๆ เตรียมตัวและลิสต์ไป ก็พบว่า
“ไอสึส ยาวมากกกก”
นั่นแหละครับ วันนั้นก็วันก่อนเริ่มงาน OD ก็นัดคนในทีมประชุมกันไป ซึ่งเราก็นำประชุมโดยมีน้องนิว ที่เคยเป็น OD มาเป็น OD คู่ ซึ่งน้องทำงานโคตรเก่งเลย เราเองก็นำไป จนพบว่า component ต่าง ๆ มันเหลือเยอะพอสมควร แต่ว่า อ้าว เรื่องเยอะไปว่ะ ก็แอบรู้สึกว่าตัวเองเสียงแข็ง อาจจะทำให้น้อง ๆ กลัวมั้ยนะ ? หรือว่าเรากำลังดุหรือเปล่า (ลงบล็อกแล้ว ไม่แอบแล้ว ละพูดไปแล้วด้วย)
สุดท้ายประชุมไป 3 ชั่วโมงพร้อมจบด้วยความเฟลของเราเอง เรียกว่าดาวน์ลงไปเลยดีกว่า มันก็ประมาณว่าเหมือนเรากำลังพังที่เราตั้งใจและคาดหวังของตัวเองทิ้งไปหมด ก็คือบางคนไม่เคยเห็นเราหนีไปร้องไห้ ก็นั่นแหละครับ อื้ม นั่นแหละเรา (ห่ะ ๆ)
เราก็แอบ ๆ ทักไปหาหลายคนด้วยความกังวลและเป็นห่วง รวมไปถึงว่ารู้สึกแย่เองด้วยแหละว่ามันเป็นยังไงมั้ย ทุก ๆ คนก็บอกว่า คือมันก็นานจริง แต่ไม่เป็นไร ๆ เข้าใจได้
แต่มุมของเราที่อาจจะรู้สึกว่าเราทำได้ดีกว่านี้ มันยังไม่พอ แล้วรู้สึกว่าตัวเองคาดหวังอะไรสูงมาก (บวกกับคนอื่น ๆ เชื่อใจเรา เลยอยากทำให้ดีขึ้นไปอีก) เลยรู้สึกว่า เออมันควรดีกว่านี้นะ ไทเกอร์เลยมาตบสติคืนว่า สุดท้ายที่มันพลาดไปก็เอามาแก้ในอนาคตนี่ล่ะ
ไหน ๆ ก็เลยลองไปถามพี่จาบอนว่า เออแม่ มันเป็นแบบนี้อ่ะ ทำไงดี รู้สึกแย่ อยากมี confession session แม่จาบอนก็จัดให้เลย ซึ่งขอบคุณมาก ๆๆๆ (มากจริง ๆ) แล้วพร้อมบอกว่าเป็น OD น่ะอย่าเครียดนะ ไม่งั้นงานล่ม ซึ่งเรียกสติได้ดีมาก ๆ เลยแบบพยายามทำให้ตัวเองหายเครียดและดาวน์ให้ไวที่สุดด้วย
ของจริง
เป็นเรื่องปกติของงานอีเวนท์ที่วันจริงมันจะมีอะไรให้ทำเยอะแยะ รวมไปถึงอะไรที่ไม่คาดฝันต่าง ๆ มหาศาลที่พร้อมให้เรามานั่งตัดสินใจ ซึ่งตอนนั้นก็แบบ โอเค ขอซักตั้งละกัน ซึ่งมันก็เกิดอะไรที่รู้สึกว่าไม่คาดฝันกันจริง ๆ ก็เลยต้องมาประชุมกันตอนตีสี่ว่าทำท่าไหนดี เลยออกมาเป็นที่เห็นกัน แต่ก็แอบกังวลว่า หลาย ๆ คนจะเข้าใจที่เราจะสื่อมั้ยนะ เราค่อนข้างเป็นห่วงหลาย ๆ คนเหมือนกัน
เรื่องกลางคืนมันก็จบลงด้วยดี กลับมาสู่เรื่องกลางวันที่งานเดือดมากในฝั่งของ dev ที่มีน้องธี น้องต้า น้องหมิงรับกันหนัก ๆ 3 คนตั้งแต่ก่อนงานเริ่มยันวินาทีสุดท้ายของงาน และก็ผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งบางอันเพื่อที่ว่าให้น้องได้โฟกัสบางเรื่องจริง ๆ รวมไปถึงห่วงน้อง เลยตัดให้เพื่อให้อีกอย่างมันโอเคดีกว่า (ก็กราบตัวเองว่าคิดไรไวดีนะ)
ช่วงงานจริงตอนแรก ๆ เห็นได้เลยว่าความวุ่นวายสูงอยู่ เพราะไลฟ์เสียงเบา ปัญหาอินเตอร์เน็ต หรือไลฟ์สตรีมที่รู้สึกว่ามันนานอยู่ เลยรู้สึกว่าวุ่นวายพอสมควร สุดท้ายได้ Virta ที่พี่ไทใช้สตรีมบ่อย ๆ มาช่วย ก็เลยสมูธขึ้นเยอะ กราบขอบพระคุณพี่ไทมาก ๆ ค่ะ รวมไปถึง index สำหรับลิงค์วิดิโอตอนเปิดไลฟ์ด้วยค่ะ
พักหลัง ๆ เริ่มแบบไฟเดือดน้อยลงแล้ว รู้สึกว่ามันสมูธขึ้นเรื่อย ๆ ในระหว่างนั้นก็แว่บ ๆ มาห้องน้อง ๆ dev ว่าเป็นยังไงบ้าง สารภาพตรง ๆ ว่าไม่อยากแบบตามงานน้อง เลยเลี่ยงบาลีใช้คำว่าเป็นยังไงบ้างแทนมากกว่าคำถามว่าเสร็จหรือยัง แต่แอบกังวลว่าเดินมาบ่อยมันจะกดดันน้อง ๆ ไปไหม มีแอบไปถามน้องหมิงว่า น้อง ๆ เป็นยังไงบ้าง กลัวน้องเครียด เป็นต้น
พิธีปิดที่ตอนแรกเราอยากทำเว็บขึ้นมาอีกรอบ แต่ด้วยความที่ว่าเรากลัวเวลาจะไม่ทัน และไม่อยากให้เป็นอะไรที่หนัก ๆ กับน้อง dev ต่อ ก็เลยเปลี่ยนไปทำสไลด์ โดยน้องปั๊ปที่เป็น Director รับไป ซึ่งน้องก็งานหนักแหละ แต่ถ้าน้องบอกว่าไหว ก็เชื่อน้องว่าน้องทำไหว
สุดท้ายแล้วงานก็จบลงแบบสวยงามกว่าที่เราคาดคิดไว้พอสมควรเลย และก็รู้สึกว่าอิ่ม แต่ตัวเต็มอิ่มชั้นดีคือเป็น Staff Session ต่างหากเล่า
พอจบงาน สตาฟก็มานั่งคุยกันว่างานเป็นไงบ้าง และ OD แบบเราก็มีหน้าที่สรุปว่าสุดท้ายของงานมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง มีอะไรที่แบบรู้สึกกันว่าปีหน้าควรปรับ เป็นต้น
Staff Special Session: Serenade w/ Confession
เราไป Serenade กันใน Figjam ก็คือเหมือนว่าอยากขอบคุณอะไรใครก็ขอบคุณ ก็คล้าย ๆ ท่า Retrospective ทั่วไป และก็อยากขอบคุณ ขอโทษอะไรก็ไล่ตามชื่อใน Figjam ไปเลย ก็อย่างแรกเราถือโอกาสกล่าวขอโทษทุกคนที่ประชุมนานมาก ทำให้แบบหมดพลัง ส่วนหลัง ๆ เราก็เป็นเหมือน session ไล่พูดถึงแต่ละคนหรือกลุ่มซะมากกว่า
ปุ๊ปปั๊ป (Director): จะไม่มีงานนี้ได้ ถ้าขาดน้องเขาไป เราคุยกับมากสุดแค่ใน Clubhouse ไม่คิดว่าเราจะมาทำงานด้วยกันจริง ๆ แล้วเราก็ได้รู้ว่าน้องสุดยอดกว่าที่เราคิดไว้ รู้สึกกลัวตอนแรกว่าจะทำงานกับน้องได้มั้ย สรุปก็คือ ทำงานด้วยแล้วสนุกอ่ะ
New (OD ร่วมกับเรา): ขอบคุณมาก ๆ ที่เข้ามาช่วยงานเรา ช่วยได้เยอะมาก ๆ เลย เก่งมาก ๆ เป็นครั้งแรกที่เราคุยกันมากที่สุดเลย รู้สึกทำงานกับนิวแล้วสนุกมาก รู้สึกว่าน้องใจเย็นมาก (ตัดมาที่กูสิ) น้องแบบจัดการงานได้ดีมากอ่ะ สมแล้วที่เคยเป็น OD มาก่อน
พี่จาบอน (First Day OD): ถึงแม้แม่ไม่ได้มาหาบ่อย ๆ แต่แม่ก็ดูอย่างห่าง ๆ แบบดูแลตลอด ให้คำปรึกษาดีมาก แม่เป็น OD ที่สุดยอดไปเลย ขอบคุณสำหรับคำปรึกษาและคำเรียกสติวันนั้นนะแม่ ขอบคุณที่รู้ว่าเบ้ลใส่ใจและตั้งใจให้แค่ไหน รักมาก ๆ เรามาลุยค่ายต่อไปกันนะ
น้อง ๆ dev:
น้องธี น้องต้า น้องหมิง น้องมีน: จริง ๆ ซึ่งเด็ก ๆ กลุ่มนี้เราก็บอกนะว่าเก่งจริง ๆ แล้วให้พูดยังไงก็แบบเดิมอ่ะ ไม่เปลี่ยนไปหรอก ทั้ง ๆ ที่ requirements มันเยอะ และเวลาน้อยด้วย น้อง ๆ ก็ทำหน้าที่ได้ดีมาก เลยแบบรู้สึกดีใจมาก ๆ เช่นกัน
เราพยายามช่วยเหลือน้องเท่าที่ได้ อย่างน้อยช่วยพูดแทนน้อง ๆ หรือสื่อสารแทนให้บ้าง หรือทำให้งานน้อง ๆ เบาลงบ้างนิดนึง ถ้าเราตัดสินใจเองได้ และขอโทษที่อาจทำน้อง ๆ เครียดไปนะ ;-; ผ่านกันมาได้แล้ว ๆ รอบหน้าลุยกันใหม่เนอะ
(มีแอบรู้กันด้วยมั้งน่ะว่านิสัยเราเป็นคนขี้ห่วงคนอื่น น่ะ รู้ทัน ๆๆๆ นั่นแหละ ใช่ นั่นปกติของเรา Yeah… Definitely, I’m caring person.)
Always thanks to your emotional support during my depressed time.
น้อง ๆ ตี้ซับ:
น้องไทเกอร์ น้องเฟย์ น้องจีม: สามคนนี้เหมือนเป็นที่พักทางอารมณ์และใจ ร่างกายด้วย เพราะเวลาที่เครียด ๆ หรือว่าไม่สบายใจ หรือว่าจะสนุกก็อยากเดินมาหาแก๊งนี้เสมอ รู้สึกสดใสมาก ๆ แล้วแบบคุยละสนุกดี บางทีเราได้อะไรกลับไปคิดเพิ่ม ขอบคุณมาก ๆ ที่รับฟังเรา แถมโดนเราร้องไห้ใส่อีก ฮือ
พี่ไท: คนเก่งในสายตาเบ้ลตั้งแต่แรกเห็น รู้จักกันมานานอยู่นะ แต่ดันเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เบ้ลได้ทำงานร่วมกับพี่ พอแอบไปอ่าน Figjam แล้วบอกว่าเรา proactive ก็รู้สึกดีใจกับคำชมนั้น และแบบดีใจที่บอกว่าเราใส่ใจในการทำงานมาก รู้สึกขอบพระคุณมาก ๆ ค่ะ แล้วก็แบบอยากขอบคุณที่เอา Virta มาช่วยจริง ๆ และรู้สึกขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจหยิบเลย
ขอบคุณที่ก็เป็น as always good mentor, good supporter (+ emotional support) ตลอดมา มาก ๆ ค่ะ
อยากขอบคุณตัวเองมาก ๆ ที่ฮึดขึ้นมาแล้วทำให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ขอบคุณตัวเองที่ตัดสินใจอะไรไวอยู่ (แต่อย่าลังเลนานพอ) ช่วยน้อง ๆ ได้แล้วนะ เก่งมาก ๆ
คืออยากแยกตัวเองอีกคนมาลูบหัวตัวเองมากฮะ ทำให้รู้ว่าจริง ๆ แล้วน่ะ ลึก ๆ เรามีความสามารถนะ ทำออกมาได้ดีเลย อย่าดูถูกตัวเองนะ อย่าคิดว่าตัวเองไม่เก่งหรือไม่มีความสามารถขนาดนั้น (สารภาพ: ตอนเขียนร้องไห้อีกละ) รอบหน้าเอาใหม่ ลุยใหม่เนอะ
อยากบอกตัวเองตอนนี้หรือแต่ก่อนว่า อย่าดูถูกความสามารถตัวเอง เหมือนเดิมแหละ
ขอบคุณสตาฟคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้กล่าวถึง และผู้เข้าร่วมมาก ๆ ถ้าขาดพวกคุณไป งานจะไม่มีความสมบูรณ์ จะไม่สนุกแบบนี้เลย ไว้พบกันใหม่นะคะ
ขอทิ้งอันนี้ไว้ให้ตัวเองในอนาคตหน่อยนะ
“ถ้าคำถามกลับมาถามว่า เบ้ล แกรับ OD มั้ย ก็ยังยืนยันว่ารับแบบเดิม”
“และถ้าถามต่อว่า รอบหน้าจะรับมั้ย ก็จะบอกว่ารับ เพราะทำแล้วสนุกมากจริง ๆ มีความสุขมาก ๆ ที่เลือกเอามาทำ”
ป.ล. อยาก (ไม่) แอบเก็บอันนี้ไว้อ่ะ เป็นตอนที่เขียน Serenade กัน รู้สึกว่า fulfill มาก ๆ เลย